นโยบายพลังงานสะอาดของประเทศมหาอำนาจและที่กำลังพัฒนา
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงานสะอาด กลายเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน หลายประเทศทั่วโลกกำลังเร่งปรับนโยบายด้าน พลังงาน เพื่อเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานน้ำ
แต่ละประเทศมีแนวทางที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับศักยภาพทางทรัพยากร กฎหมาย และเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของตนเอง บางประเทศ เช่น ในสหภาพยุโรป ตั้งเป้าหมายสูงในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะที่สหรัฐอเมริกามุ่งเน้นโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ ส่วนจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการใช้พลังงานสูง ก็กำลังลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด
ในบทความนี้ ผมจะพาคุณไปสำรวจนโยบายพลังงานสะอาดของประเทศมหาอำนาจและประเทศกำลังพัฒนา ว่าแต่ละแห่งกำลังดำเนินการอย่างไร และมีอุปสรรคอะไรบ้างในการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด

สหภาพยุโรปกับเป้าหมายพลังงานหมุนเวียน
สหภาพยุโรป (EU) เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีความก้าวหน้าที่สุดด้าน พลังงานสะอาด โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 55% ภายในปี 2030 และตั้งเป้าเป็นภูมิภาคที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ผ่านโครงการ European Green Deal
หลายประเทศใน EU ได้ลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจัง เช่น เยอรมนีที่มีนโยบาย Energiewende ซึ่งผลักดันให้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมเป็นแหล่งพลังงานหลัก เดนมาร์กเองก็เป็นผู้นำด้านพลังงานลม โดยมีการพัฒนาโครงการฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งขนาดใหญ่
นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังให้เงินสนับสนุนโครงการพลังงานสะอาด และกำหนดมาตรการทางภาษีเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนมีแรงจูงใจในการเปลี่ยนไปใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

สหรัฐอเมริกากับโครงการพลังงานสะอาด
สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้พลังงานมากที่สุดในโลก และรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับ พลังงานสะอาด มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมาย Inflation Reduction Act ซึ่งให้เงินสนับสนุนด้านพลังงานสะอาดมากถึง 369 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นผู้นำในด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยกำหนดเป้าหมายให้ใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาด 100% ภายในปี 2045 นอกจากนี้ รัฐบาลกลางยังส่งเสริมการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในหลายพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญของสหรัฐฯ คือการเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานหมุนเวียน เนื่องจากอุตสาหกรรมพลังงานดั้งเดิมยังคงมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองสูง

จีนและอินเดียกับการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน
จีนเป็นผู้นำด้านการผลิตและติดตั้งพลังงานหมุนเวียนมากที่สุดในโลก โดยมีการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมอย่างมหาศาล รัฐบาลจีนกำหนดเป้าหมายให้ใช้พลังงานสะอาดอย่างน้อย 50% ภายในปี 2050 และยังเป็นผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่ที่สุดของโลก
อินเดียเองก็กำลังก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศที่ลงทุนด้าน พลังงานสะอาด มากที่สุด โดยมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ เช่น โครงการ Solar Park ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้หลายกิกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม อินเดียยังคงเผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้สามารถรองรับพลังงานหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเทศกำลังพัฒนากับความท้าทายในการใช้พลังงานสะอาด
ในขณะที่ประเทศมหาอำนาจสามารถลงทุนใน พลังงานสะอาด ได้อย่างเต็มที่ ประเทศกำลังพัฒนากลับต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น การขาดแคลนเงินทุน โครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่พร้อม และนโยบายที่ไม่เอื้อต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด
ตัวอย่างเช่น ในแอฟริกา แม้ว่าหลายประเทศจะมีศักยภาพในการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมสูง แต่กลับขาดการลงทุนที่เพียงพอ นอกจากนี้ ปัญหาทางเศรษฐกิจและการเข้าถึงเทคโนโลยีทำให้การพัฒนาพลังงานสะอาดในภูมิภาคนี้เป็นไปอย่างล่าช้า
แม้ว่าจะมีอุปสรรค แต่หลายประเทศกำลังพัฒนาก็เริ่มใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดมากขึ้น เช่น บราซิลที่มีการผลิตพลังงานชีวมวลจากอ้อย หรือโมร็อกโกที่พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
พลังงานสะอาด เป็นแนวทางสำคัญที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังผลักดันเพื่อรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สหภาพยุโรปเป็นผู้นำในการตั้งเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียน ขณะที่สหรัฐอเมริกาเน้นโครงการพลังงานสะอาดและการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ จีนและอินเดียเป็นสองประเทศที่กำลังลงทุนอย่างมหาศาลในพลังงานหมุนเวียน ส่วนประเทศกำลังพัฒนายังคงเผชิญกับความท้าทายในการเข้าถึงเทคโนโลยีและเงินทุน
แม้ว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดจะมีอุปสรรค แต่ด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า พลังงานสะอาด จะกลายเป็นอนาคตของโลกอย่างแน่นอน